หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 24


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน'บ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์'ที่'BBB+' หุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 70% ที่ 'A' และหุ้นกู้มีการค้ำประกัน 85% ที่ 'A+'

     ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ 'BBB+'ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' ในขณะเดียวกัน

      ทริสเรทติ้ง ยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 70% ของบริษัทที่ระดับ 'A' และหุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 85% ที่ระดับ 'A+' ด้วย โดยหุ้นกู้ที่มีการค้ำประกันนั้นได้รับการค้ำประกันบางส่วนจาก Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AAA” จากทริสเรทติ้ง

      อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงตำแหน่งที่เข้มแข็งของบริษัทในตลาดก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG (Liquefied Petroleum Gas) ภายในประเทศ ตลอดจนการเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ และการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุม อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีปัจจัยลดทอนบางส่วนจากความต้องการภายในประเทศที่ยังคงอ่อนตัว ความอ่อนไหวต่อความผันผวนของราคา LPG ในตลาดต่างประเทศ และแนวโน้มที่ภาระหนี้สินของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG (Liquefied Natural Gas)

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ตำแหน่งผู้ค้า LPG รายใหญ่อันดับสอง

       ตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทในประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยตลาด LPG ภายในประเทศนั้นมีผู้ค้ารายใหญ่เพียง 3 ราย โดยบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่าย LPG รายใหญ่อันดับสอง ตามหลังผู้นำตลาดอย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งทางการตลาดจากยอดขายของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 25% ส่วนที่เหลือนั้นส่วนใหญ่เป็นของ ปตท. (41%) และ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (18%) ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่อันดับสาม

       ความสามารถในการแข่งขันในประเทศไทยของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ แบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง และการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับตลาดภายในประเทศนั้น ราคา LPG อยู่ภายใต้การควบคุมและได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาล ซึ่งส่งผลทำให้กำไรต่อยอดขายของบริษัทค่อนข้างมีเสถียรภาพ

อุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

     ความต้องการ LPG ภายในประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปริมาณการใช้ลดลงถึง 2%-7% ในแต่ละปี ความต้องการใช้ LPG ในภาคก๊าซหุงต้มซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด นั้นค่อนข้างคงตัว ในขณะที่การใช้ LPG ในภาคอุตสาหกรรมนั้นมีอัตราการเติบโตเล็กน้อย ส่วนตลาดที่อ่อนแอที่สุดยังคงเป็นตลาดยานยนต์ซึ่งมีความต้องการลดลงถึง 10%-15% ในแต่ละปี ทั้งนี้ ในปี 2562 การบริโภคภายในประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 3.8 ล้านตัน คิดเป็นอัตราที่ลดลง 5.3% จาก 4.01 ล้านตันในปี 2561

      ในมุมมองของทริสเรทติ้ง เห็นว่า แนวโน้มความต้องการ LPG ภายในประเทศน่าจะยังคงซบเซาในระยะยาว โดยที่ความต้องการในภาคยานยนต์นั้นยังไม่เห็นสัญญาณว่าถึงจุดต่ำสุด ในขณะที่ในภาคก๊าซหุงต้มและภาคอุตสาหกรรมน่าจะคงตัวอยู่ได้เนื่องจากความจำเป็นของสินค้า แนวโน้มตลาดที่อ่อนแอส่งผลทำให้ผู้ค้ารายย่อยต้องทยอยออกจากตลาดหรือถูกควบรวมกิจการกับผู้ค้ารายที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงยังกดดันให้รายได้ของผู้ค้าอื่น ๆ หดตัวลงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

การเติบโตที่ดีในตลาดต่างประเทศช่วยชดเชยการหดตัวของตลาดภายในประเทศ

      ยอดขายของบริษัทในตลาดต่างประเทศยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมากเพียงพอที่จะชดเชยยอดขายที่ลดลงของตลาดภายในประเทศได้ ทั้งนี้ ยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 2.85 ล้านตันในปี 2562 จาก1.78 ล้านตันในปี 2558 ในทางตรงกันข้าม ยอดขายของตลาดภายในประเทศชค่อยๆ ลดลงจนเหลือต่ำกว่า 1 ล้านตันต่อปีในปี 2562

      ในปี 2562 ยอดขายในตลาดต่างประเทศคิดเป็นเกือบสามในสี่ของยอดขายทั้งหมด โดยยอดขายในประเทศจีนยังคงมีสัดส่วนมากที่สุดซึ่งคิดเป็น 31% ของทั้งหมด กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาดใหม่ ๆ เช่น บังคลาเทศ พม่า อินเดีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งความสำเร็จในการเปิดสู่ตลาดใหม่เหล่านี้จะช่วยให้สถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแรงมากขึ้นจากการสร้างความหลากหลายในเชิงพื้นที่และการลดการพึ่งพาตลาดจีนลง การเติบโตที่ต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศทำให้ยอดขายของบริษัทโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 3.86 ล้านบาทในปี 2562 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยรวมที่ระดับ 10% ต่อปี

มีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุม

       ในมุมมองของทริสเรทติ้ง เห็นว่า เครือข่ายการกระจายสินค้าทำให้บริษัทมีความได้เปรียบเหนือบริษัทส่วนใหญ่อย่างชัดเจน สำหรับในประเทศไทยนั้น บริษัทมีคลังเก็บ LPG ขนาดใหญ่จำนวน 8 แห่ง มีโรงบรรจุก๊าซและสถานีบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงมีรถและเรือขนส่ง LPG จำนวนมาก สำหรับในต่างประเทศ บริษัทมีคลังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ 2 แห่งในประเทศจีน มีคลังเก็บ LPG ลอยน้ำ 1 แห่งในประเทศสิงคโปร์ และมีกองเรือขนส่ง LPG

      บริษัทได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์หลักเหล่านี้ซึ่งส่งผลให้มีต้นทุนการขนส่งที่แข่งขันได้ รวมถึงมีความสามารถในการจำหน่ายสินค้าได้ทั่วประเทศ และมีเสถียรภาพในการจัดส่งสินค้า สินทรัพย์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทยนั้นยังช่วยทำให้บริษัทสามารถนำเข้า LPG มาจำหน่ายในประเทศไทย และจำหน่าย LPG ได้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกอีกด้วย

คาดว่ายอดขายจะลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

     ทริสเรทติ้ง คาดว่า ยอดขายของบริษัทจะลดลงในปี 2563 ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งทำให้ปริมาณการใช้ LPG ลดลงไปอีก โดยในไตรมาสแรกของปี 2563 การบริโภค LPG ภายในประเทศลดลงเหลือ 0.901 ล้านตัน คิดเป็นอัตราที่ลดลง 6.4% จาก 0.962 ล้านตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน ยอดขายภายในประเทศของบริษัทในช่วงเดียวกันก็ลดลง 9.5% ด้วยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

        นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสยังสร้างผลกระทบต่อความต้องการในตลาดโลกโดยทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวอย่างฉับพลันและมีผลทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกด้วยเช่นกัน ยอดขายในต่างประเทศของบริษัทลดลง 12.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายในประเทศจีนนั้นลดลงอย่างมากถึง 36.2% อย่างไรก็ตาม หลังจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการ LPG จะฟื้นตัวกลับมาตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวยังคงมีความไม่แน่นอนเนื่องจากการแพร่ระบาดรอบที่สองยังคงมีโอกาสเกิดขึ้นได้

       ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายโดยรวมของบริษัทจะลดลง 6%-7% ในปี 2563 หลังจากนั้นน่าจะฟื้นตัวได้ที่ระดับประมาณ 3%-8% ในปี 2564 และปี 2565 ส่วนรายได้นั้นคาดว่าจะลดลง 15% เหลือ 5.7 หมื่นล้านบาทในปี 2563 ก่อนที่จะปรับขึ้นสู่ระดับ 6.9-7.3 หมื่นล้านบาทในช่วง 2 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งยังคาดการณ์ว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายโดยเฉลี่ยของบริษัทน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.3 พันล้านบาทต่อปี

กำไรมีความผันผวนจากราคา LPG ที่แกว่งตัว

         การที่บริษัทมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของราคา LPG นั้นถือเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิต โดยผลกำไรของบริษัทมีความไม่แน่นอนในแต่ละไตรมาสอันเนื่องมาจากธุรกิจการค้าในต่างประเทศของบริษัทได้รับผลกระทบจากราคา LPG ในตลาดโลกที่มีความผันผวนสูง การลดลงอย่างกระทันหันของราคา LPG อาจทำให้เกิดการขาดทุนสต๊อกสินค้าจำนวนมากซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลประกอบการทางการเงินของบริษัท

       ทริสเรทติ้ง คาดว่า ความเสี่ยงจากราคา LPG ที่ผันผวนน่าจะเพิ่มมากขึ้นในระยะปานกลางจากแนวโน้มที่บริษัทจะขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านราคาก็ลดทอนลงบางส่วนจากการมีกำไรที่ค่อนข้างคงที่จากตลาดภายในประเทศ นอกจากนี้ ราคา LPG ที่อยู่ในระดับต่ำ ณ ปัจจุบันยังช่วยจำกัดความเสี่ยงจากราคาที่ลดลงอย่างหนักได้ด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังเห็นว่ารายได้ที่มั่นคงจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า 2แห่งในประเทศเมียนมาและธุรกิจให้เช่าคลังเก็บน้ำมันจะช่วยป้องกันผลกระทบจากความเสี่ยงด้านราคา LPG ได้อีกด้วยเช่นกัน

ความเสี่ยงจากการพัฒนาโครงการนำเข้า LNG

      บริษัทวางแผนจะลงทุนสร้างท่าเรือขนาดใหญ่สำหรับนำเข้า LNG โดยเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้ซื้อกิจการทั้งหมดของ บริษัท ไทยพับลิคพอร์ต จำกัด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการนำเข้า LNG เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นเจ้าของท่าเรือน้ำลึกและที่ดินที่เหมาะสำหรับการก่อสร้างถังเก็บ LNG โดยการซื้อกิจการมีมูลค่าประมาณ 3.3 พันล้านบาท ในขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตก่อสร้างถังเก็บ LNG ในพื้นที่ของบริษัทไทยพับลิคพอร์ตดังกล่าว

       ทริสเรทติ้ง มองว่าโครงการนำเข้า LNG อาจจะเพิ่มความเสี่ยงให้แก่บริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงด้านการเงิน หากบริษัทยังดำเนินการตามแผนพัฒนาโครงการก็คาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 6 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของโครงการนั้นก็ยังไม่ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบธุรกิจ ตลาด วิธีการในการแข่งขันกับผู้ประกอบการที่ใหญ่กว่า เช่น ปตท. และที่สำคัญคือโครงสร้างแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการนี้

คาดว่าภาระหนี้สินจะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนใหม่

     แม้ว่า โครงการนำเข้า LNG ยังไม่มีความแน่นอน แต่ทริสเรทติ้งก็พิจารณาโครงการดังกล่าวแบบอนุรักษ์นิยมโดยได้รวมการลงทุนนี้ไว้ในกรณีฐานของทริสเรทติ้ง โดยโครงสร้างหนี้สินทางการเงินซึ่งวัดด้วยอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อภาระหนี้ของบริษัทน่าจะด้อยลงในระหว่างการลงทุน อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินสุทธิน่าจะลดลงเหลือ 12% ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอาจสูงกว่า 5 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 60% ในการยืนยันอันดับเครดิตครั้งนี้สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกำไรและบริหารสภาพคล่องอย่างรอบคอบตลอดช่วงเวลาในการลงทุน

มีสภาพคล่องเพียงพอ

       ทริสเรทติ้ง ประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทนั้นจะมีเพียงพอ บริษัทไม่มีภาระในการชำระคืนหุ้นกู้ขนาดใหญ่ที่จะครบกำหนดในอีก 12 เดือนข้างหน้าในขณะที่ยังมีวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้ถึงประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท การใช้เงินทุนในอีก 12 เดือนข้างหน้านับจากสิ้นเดือนมีนาคม 2563 นั้นจะประกอบไปด้วยการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 0.9 พันล้านบาทและเงินลงทุนตามแผนจำนวน 2.1 พันล้านบาท ในขณะที่เงินสดที่บริษัทมีอยู่ในมือจำนวน 2.46 พันล้านบาทและเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะมีอีกประมาณ 2 พันล้านบาทนั้นถือว่าเพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว

        ในส่วนของการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในหุ้นกู้นั้น บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ให้เกิน 2 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2563 อัตราส่วนดังกล่าวของบริษัทอยู่ที่ 1.34 เท่า ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • ยอดขายในตลาดต่างประเทศของบริษัทจะลดลง 4%-5% ในปี 2563 ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2564 และ 4% ในปี 2565
  • ยอดขายภายในประเทศจะลดลง 13% ในปี 2563 และจะเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2564 จากนั้นจะคงที่ในปี 2565
  • รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาทในปี 2563 และจะอยู่ระหว่าง 6.9-7.3 หมื่นล้านบาทในปี 2564-2565
  • อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 4%-5%
  • เงินลงทุนโดยรวมของบริษัทจะเท่ากับ 2.1 พันล้านบาทในปี 2563 และประมาณปีละ 2.8 พันล้านบาทในปี 2564-2565
  • อัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับ 50% ของกำไรสุทธิ

แนวโน้มอันดับเครดิต

     แนวโน้มอันดับเครดิต'Stable'หรือ 'คงที่'สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะที่แข็งแกร่งในการเป็นผู้จัดจำหน่าย LPG รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทยเอาไว้ได้ โดยกระแสเงินสดที่น่าเชื่อถือจากการดำเนินงานภายในประเทศจะช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงานในต่างประเทศ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าธุรกิจการค้าก๊าซในต่างประเทศจะยังคงทำกำไรได้แม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับความเสี่ยงด้านราคาที่สูงขึ้นก็ตาม

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

       แนวโน้มในการปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นนั้นมีจำกัดเนื่องจากแผนการลงทุนของบริษัทที่วางเอาไว้และความเสี่ยงด้านลบของความต้องการ LPG ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทนั้นด้อยลงอย่างมากเป็นระยะเวลานาน ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเกิดได้จากการลงทุนที่มากเกินไปจนส่งผลให้สถานะการเงินของบริษัทด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

        อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทสะท้อนคุณภาพเครดิตของทั้งผู้ออกหุ้นกู้และผู้ค้ำประกันคือ CGIF ซึ่งอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณภาพเครดิตของบริษัทหรือของผู้ค้ำประกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

SGP221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

SGP232A: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน (85%) 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+

SGP23DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน (70%) 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

SGP241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

           บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

           ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!